ความรู้ >> ทำไมต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมเสียงดังในโรงงาน
KNOWLEDGE
ความรู้

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมเสียงดังในโรงงาน

    ปัญหาเสียงดังในโรงงานเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอุตสาหกรรมจริงหรือไม่ ทำไมจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องเสียงดัง คำถามเหล่านี้ อาจเป็นคำถามที่ผู้ประกอบการที่มีธุรกิจอยู่ในวงการอุตสาหกรรมเกิดความสงสัยว่าปัญหาดังกล่าวคุ้มค่าหรือไม่ที่ต้องลงทุนใช้งบประมาณและทรัพยากรอันมีค่าของบริษัทไปเพื่อแก้ปัญหา คำตอบของปัญหาดังกล่าวอาจสรุปได้ ดังประเด็นต่อไปนี้

1. ผิดกฎและประกาศของกระทรวง หลายท่านอาจสงสัยว่าเพียงแค่ปัญหาเสียงดังถึงกับผิดกฎหมายเลยหรืออย่างไร คำตอบคือ ใช่ โดยมีกฎข้อบังคับและประกาศของกระทรวงแยกตามกระทรวงหัวข้อที่เกี่ยวกับปัญหาเสียงดังในโรงงาน มีดังนี้
   กระทรวงทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อม
    - ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 29 (พ.ศ. 2550) เรื่อง ค่าระดับเสียงรบกวน
    - ประกาศคณะกรรมการควบคุมมลพิษ เรื่อง วิธีการตรวจวัดระดับเสียงพื้นฐาน ระดับเสียงขณะไม่มีการรบกวน การตรวจวัดและคำนวณระดับเสียงขณะมีการรบกวน การคำนวณค่าระดับการรบกวนและแบบบันทึกการตรวจวัดเสียงรบกวน (พ.ศ. 2550)

    - ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติฉบับที่15 (พ.ศ. 2540) เรื่อง การกำหนดมาตรฐาน

ระดับเสียงโดยทั่วไป

    - ประกาศกรมควบคุมมลพิษเรื่อง การคำนวณค่าระดับเสียง (พ.ศ. 2540)
   กระทรวงอุตสาหกรรม
    - กระทรวงอุตสาหกรรมประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่อง กำหนดค่าระดับเสียงการรบกวนและระดับเสียงที่เกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน พ.ศ. 2548
    - ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่องวิธีการตรวจวัดระดับเสียงการรบกวนระดับเสียงเฉลี่ย 24 ชม.และ ระดับเสียงสูงสุดที่เกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน พ.ศ. 2553
   กระทรวงสาธารณสุข

    - กฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. 2560

   กระทรวงแรงงาน
    - กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐานระดับเสียงที่ยอมให้ลูกจ้างได้รับเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทำงานในแต่ละวัน พ.ศ. 2561 “นายจ้างต้องควบคุมระดับเสียงที่ลูกจ้างได้รับเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทำงานในแต่ละวัน (Time Weighted Average-TWA) มิให้เกินมาตรฐานตามที่กำหนด  โดยหน่วยวัดระดับเสียงดังที่ใช้ในประกาศนี้คือหน่วยเป็นเดซิเบลเอ”

    จะเห็นได้ว่ามีกฎข้อบังคับและประกาศกระทรวงจำนวนหลายข้อเมื่อรวมทุกกระทรวง ซึ่งเจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องคำนึงถึง เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นโดยไม่ผิดข้อกฎหมาย

2. ผลกระทบต่อสุขภาพของลูกจ้าง จากเอกสารรายงานของหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมในยุโรป ในปี ค.ศ. 2010 (European Environment Agency (EAA), 2010) ได้นำเสนอผลกระทบของมลพิษทางเสียงต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีไว้ดังนี้

    - เกิดความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์หรือรู้สึกไม่สบาย เช่น รู้สึกถูกรบกวน เกิดความรำคาญ

    - เกิดปัญหาต่อการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับ หลับยาก วงจรการนอนหลับเปลี่ยนแปลง

    - เสียงดังเป็นต้นเหตุของโรคต่างๆ เช่น โรคเครียด ความดันโลหิตสูง โรคเกี่ยวกับระดับคลอเรสเตอรอล ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น

    - อาจส่งผลต่อสุขภาพอย่างรุนแรงในระยะยาว มีโอกาสเพิ่มอัตราการเสียชีวิต

3. ประสิทธิภาพและผลผลิตในการทำงานลดลง สืบเนื่องมาจากผลกระทบต่อสุขภาพของลูกจ้างดังกล่าว ย่อมส่งผลต่อผลผลิตของงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัญหาที่มักจะพบได้แก่ ความเครียดของพนักงาน การขาดงาน เจ็บป่วยบ่อย ขาดสมาธิในการจดจ่ออยู่กับงาน ประสิทธิภาพของการผลิตต่ำกว่ามาตรฐาน เป็นต้น

4. อาจถูกร้องเรียนจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเสียงรบกวนหรือผู้อาศัยในชุมชนใกล้เคียงกับโรงงาน เนื่องจากมีข้อกฎหมายและกฎกระทรวงบังคับ โรงงานที่เป็นแหล่งกำเนิดเสียงดังเกินค่ามาตรฐานกำหนด อาจถูกร้องเรียน และหากเพิกเฉยต่อปัญหา ไม่ยินยอมแก้ไขหรือหาแนวทางในการควบคุมเสียง ปัญหาอาจบานปลายไปจนถึงขั้นถูกปรับ ถูกฟ้องร้อง หรือในขั้นรุนแรงที่สุดอาจถูกบังคับให้ระงับการดำเนินกิจการจนกว่าจะแก้ปัญหาเสียงดังแล้วเสร็จ

    หลังจากที่ได้รับทราบถึงข้อคำนึงเกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น หากไม่เริ่มดำเนินการโครงการควบคุมเสียงแล้ว จะพบว่าแต่ละปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่และไม่สามารถละเลยได้แทบทั้งสิ้น ทั้งปัญหาด้านกฎหมาย ด้านสุขภาพ ด้านประสิทธิภาพและผลผลิตตลอดจนปัญหาการถูกร้องเรียนจากชุมชน ดังนั้นในฐานะที่เป็นเจ้าของกิจการ หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจทำโครงการควบคุมเสียง ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะละเลยปัญหาเสียงดังในโรงงานจนบานปลายจนเกินระดับความเสียหายที่จะสามารถควบคุมได้

"สงวนลิขสิทธิ์ โดย บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด การนำไปเผยแพร่ไม่ว่ารูปแบบใด ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางบริษัท"