เรื่องของเสียงในรายงานผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย
"การจัดทำรายงานผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยอย่างรอบคอบและครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยให้โรงงานได้รับอนุญาตในการขยายกิจการได้ ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน การดำเนินงานอย่างยั่งยืนและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในระยะยาวด้วย"
ในปัจจุบัน การดำเนินกิจการโรงงานอุตสาหกรรมไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงผลกำไรทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของชุมชนโดยรอบด้วย ดังจะเห็นได้จากกรณีของโรงงานซ่อมเรือแห่งหนึ่งที่ประกอบกิจการงานตัด เคาะ และพ่นสี ซึ่งต้องการขออนุญาตเพิ่มเครื่องจักรและกำลังการผลิตจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด
ทางผู้ออกใบอนุญาตได้ขอให้โรงงานแนบ "รายงานผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย" ประกอบการพิจารณา ซึ่งรายงานดังกล่าวมีที่มาจากประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการทำรายงานเกี่ยวกับการศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย โดยประกาศฉบับแรกมีขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 และปัจจุบันใช้ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2559
สาระสำคัญของประกาศนี้คือการบังคับใช้กับผู้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานหรือขอขยายโรงงาน 25 ประเภท โดยผู้ขอจะต้องจัดทำรายงาน 1 ฉบับ และยื่นให้กับกรมโรงงานอุตสาหกรรมหรือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ขึ้นอยู่กับที่ตั้งของโรงงาน
เนื้อหาสำคัญในรายงานประกอบด้วยสองส่วนหลัก ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านความปลอดภัย
ด้านสิ่งแวดล้อม รายงานต้องประกอบด้วย:
1. รายละเอียดโครงการ ซึ่งรวมถึงที่ตั้ง แผนที่ ผังโครงการ กระบวนการผลิต วัตถุดิบและสารเคมีที่ใช้
2. ข้อมูลสภาพแวดล้อม ครอบคลุมถึงคุณภาพอากาศ คุณภาพผิวดิน คุณภาพน้ำใต้ดิน และการคมนาคม
3. การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และระดับความรุนแรงของการประกอบกิจการ
4. มาตรการป้องกันและแก้ไขเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
ด้านความปลอดภัย รายงานต้องประกอบด้วย:
1. การวิเคราะห์อันตรายในแต่ละด้านจากกระบวนการผลิตและขั้นตอนการทำงาน
2. มาตรการป้องกัน ควบคุม หรือแก้ไข รวมทั้งแผนฉุกเฉินสำหรับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
3. ระบบบริหารด้านความปลอดภัย แผนงาน และการติดตามผลการดำเนินงาน
อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นสำหรับโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมหรือในเขตส่งเสริมการลงทุน ซึ่งมีกฎหมายเฉพาะของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกฎหมายการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติควบคุมอยู่แล้ว
ในกรณีของโรงงานซ่อมเรือที่มีการเคาะตัวถังก่อนทำสี ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาคือเรื่องของเสียง เนื่องจากการเคาะตัวถังอาจก่อให้เกิดมลภาวะทางเสียงที่รบกวนชุมชนโดยรอบได้ ดังนั้น ในรายงานจำเป็นต้องมีการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมในด้านนี้ รวมถึงระบุระดับความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งเสนอมาตรการป้องกัน ควบคุม หรือแก้ไขปัญหามลภาวะทางเสียงดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่โรงงานซ่อมเรือควรให้ความสำคัญในการจัดทำรายงาน เช่น:
1. การจัดการของเสียจากกระบวนการซ่อมเรือ เช่น เศษโลหะ สารเคมีจากการพ่นสี หรือน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว
2. การป้องกันการปนเปื้อนของสารเคมีลงสู่แหล่งน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอู่ซ่อมเรืออยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติ
3. มาตรการป้องกันอุบัติเหตุและอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานกับวัสดุไวไฟหรือการเชื่อมโลหะ
4. แผนการจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยสำหรับพนักงาน เช่น การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล การฝึกอบรมด้านความปลอดภัย
การจัดทำรายงานผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยอย่างรอบคอบและครบถ้วนไม่เพียงแต่จะช่วยให้โรงงานได้รับอนุญาตในการขยายกิจการเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อันจะนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชนโดยรอบ
ในท้ายที่สุด การปฏิบัติตามข้อกำหนดในการจัดทำรายงานนี้ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเพียงภาระทางกฎหมาย แต่ควรเป็นโอกาสในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนโดยรอบ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว